คุณรู้ไหมว่า คุณสามารถป้องกันคนที่คุณรักจากโรคร้ายได้ด้วยการล้างมือ
จากข่าว ที่มีเด็กติดเชื้อโรคมือเท้าปากเปื่อยชนิดที่มีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต จาก เชื้อเอนเทอโรไวรัส 71ในสถานรับเลี้ยงเด็กหรือโรงเรียนอนุบาล หรือข่าว
โรคติดต่อที่รุนแรง เช่น โรคไข้หวัดมรณะ (SARS) โรคไข้หวัดนก
แม้กระทั่ง ข่าว การติดเชื้อ วัณโรค ไข้หวัดใหญ่ โรคหัด หัดเยอรมัน เราได้ยิน ข่าว แบบนี้บ่อยๆ คุณรู้ไหมว่าโรคทั้งหมดนี้ป้องกันได้ด้วยการล้างมือง่ายๆ ด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ ที่มีประสิทธิภาพ
การล้างมือสำคัญอย่างไร
มือ เป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคต่างๆ ได้ เมื่อใช้มือหยิบจับอาหาร หรือสิ่ง ของต่างๆ และมือสามารถนำเชื้อโรคไปปนเปื้อนสิ่งของรอบๆ ตัว ทำให้ผู้อื่นได้รับเชื้อโรคไปด้วย
การล้างมือให้สะอาดอย่างถูกวิธี จึงเป็นวิธีที่มีความสำคัญ เพื่อป้องกัน ไม่ให้เชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย
จากการศึกษาทางการแพทย์พบว่า
การศึกษาของประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าการล้างมืออย่างถูกวิธีด้วย น้ำยา ฆ่าเชื้อ สามารถลดเชื้อโรคได้ถึง 90%
การล้างมือทางการแพทย์จะช่วยลดอัตราการเกิดโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลได้เป็นอย่างดี
การล้างมือ ในผู้ป่วยที่เป็นโรคตาแดง จะเป็นวิธีการป้องกันการระบาดของโรคได้
การล้างมือของผู้ประกอบอาหาร สามารถป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารได้
เรามารู้กันก่อนว่า เชื้อโรคอะไร ติดต่อทางมือได้บาง
โรคติดเชื้อมากมายสามารถติดต่อผ่านการสัมผัส ตัวอย่างโรคที่พบบ่อย มีดังนี้
โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เช่น หวัด วัณโรค ไข้หวัดใหญ่ โรคหัด หัดเยอรมัน นอกจากจะติดต่อผ่านการหายใจเอาเชื้อเข้าไปแล้ว การที่มือไปสัมผัสกับสิ่งของเครื่องใช้ที่ใช้ร่วมกับบุคคลอื่นหรือเครื่องใช้ในที่สาธารณะ เช่น ลูกบิดประตู ราวโหนรถเมล์ หรือราวบันได แล้วมาแคะจมูก เชื้อโรคก็จะเข้าสู่โพรงจมูกส่วนหน้า เมื่อหายใจเข้าไปก็ทำให้เกิดโรคได้
โรคติดเชื้อทางเดินอาหาร ในทางการแพทย์โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหารทั้งหลายมักถูกเรียกว่า ติดต่อแบบ Fecal-oral route หรือติดจากกันสู่ปากในความหมายก็คือ เชื้อออกจากคนหนึ่งแล้วไปติต่อเข้าทางปากอีกคนหนึ่ง มักจะได้มาจากการไปจับบริเวณที่มีเชื้อภายนอกตัว
แล้วมาล้วงแคะแกะเกาจนทำให้เชื้อมาอาศัยบนตัว จนเกิดการติดเชื้อและก่อโรคในตัวคนนั้นๆ เช่น ท้องเสีย โรคตับอักเสบชนิดเอ โรคบิด อหิวาตกโรค โรคพยาธิชนิดต่าง ๆ ซึ่งติดต่อได้จากการที่มือปนเปื้อนเชื้อเหล่านี้ แล้วหยิบจับอาหารกินเข้าไป
โรคติดต่อทางการสัมผัสโดยตรง เช่น โรคตาแดง โรคเชื้อรา แผลอักเสบที่ผิวหนัง หิด เริม
โรคไข้หวัดมรณะ (SARS) โรคไข้หวัดนก การติดต่อเกิดจากนำมือไปสัมผัสกับสิ่งคัดหลั่งต่างๆ (น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ เลือด) จากผู้ที่ป่วยเป็นโรค โดยตรง แล้วมาสัมผัสกับส่วนต่างๆ ของร่างกาย
โรคที่ติดต่อได้หลายทาง เช่น โรคอีสุกอีใส อาจติดต่อได้จากการหายใจและการสัมผัส
โรคติดเชื้อเหล่านี้ เป็นโรคที่พบบ่อย และบางครั้งอาจมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงตามมาได้
และมีกลุ่มบุคคลบางกลุ่ม ที่มีโอกาสติดเชื้อจากมือที่กล่าวมาข้างต้นได้ง่ายกว่า คนทั่วไป คือกลุ่มคนที่ มีภูมิคุ้มกันโรคต่ำ เช่น
-โรคภูมิคุ้มกันตอบสนองต่ำเกินไปผิดปกติ (UnderactiveImmune Disorders)
-มีอาการติดเชื้ออยู่
-โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV)
-โรคไวรัสตับอักเสบชนิดบี/ซี
-โรคมะเร็ง
-โรคไซนัสอักเสบ
-โรคปลายประสาทอักเสบ(Shingles)
-วัณโรค
-โรคเบาหวาน
-อ่อนเพลียเรื้อรัง
-ไข้หวัดและไข้หวัดใหญ่
-ผู้สูงอายุ ที่ร่างกายอ่อนแอ่
-เด็ก
ฉะนั้นทุกครั้งที่เราต้องทำหน้าที่ ดูแล บุคคลเหล่านี้ เราต้องที่จะต้องล้างมือ ด้วยน้ำยา ฆ่าเชื้อ ที่มีประสิทธิภาพก่อนทุกครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันการติดต่อของโรค ติดเชื้อ ที่ดีที่สุด
ล้างด้วยอะไรจึงจะดี?
การล้างด้วยสบู่อย่างเดียวก็จัดว่าพอเพียงแล้วในชีวิตประจำวัน แต่หากต้องดูแลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยต้องหาสบู่ยาหรือน้ำยา ฆ่าเชื้อมาใช้ เพื่อการกำจัดเชื้อที่สะอาดหมดจด
น้ำยาฆ่าเชื้อ ที่มีประสิทธิภาพ
คลอร์เฮกซิดีน (Chlorhexidine) เป็นน้ำยาฆ่าเชื้อโรค ถูกนำมาใช้ในการทำความสะอาดมือ ผิวหนังให้ปราศจากจุลชีพต่างๆ ทางวงการเครื่องสำอางนำมาเป็นสารยับยั้งเชื้อในผลิตภัณฑ์ เช่นครีมทาผิว ยาสีฟัน น้ำยากำจัดกลิ่นตัว และผลิตภัณฑ์ระงับเหงือ ทางการแพทย์ได้นำคลอเฮกซิดีนมาผสมเป็นสารยับยั้งเชื้อ หรือสารกันบูดในยาหลอดตาใช้เป็นสารออกฤทธิ์ในยายาล้างแผล และใช้เป็นผลิตภัณฑ์น้ำยาบ้วนปากสำหรับคลินิกทันตกรรม คลอร์เฮกซิดีน (Chlorhexidine)ออกฤทธิ์ได้ดีกับเชื้อแบคทีเรียแกรมบวกและแกรมลบทั้งชนิดที่ชอบและไม่ชอบออกซิเจน และรวมถึงเชื้อราด้วย องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้จัดให้คลอร์เฮกซิดีนเป็นเคมีภัณฑ์ที่จำเป็นต่อระบบสาธารณสุขขั้นมูลฐานในแต่ละประเทศ
ประเทศไทยโดยกระทรวงสาธารณสุขได้บรรจุคลอร์เฮกซิดีนในบัญชียาหลักแห่งชาติแผนปัจจุบัน
คุณสมบัติของ Chlorhexidine
Chlorhexidine 4% w/v เป็นความเข้มข้นที่มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อสูงที่สุด
สามารถฆ่าเชื้อได้ทั้งแบคทีเรีย รา และไวรัสบางชนิด
ฆ่าแบคทีเรียแกรมบวก ได้ดีกว่า แกรมลบ (Gram+ Staphylococcus > Gram-
มีฤทธิ์ยับยั้ง spore germination ได้ ฆ่าเชื้อราได้
ดูดซึมจากทางเดินอาหาร และผิวหนังได้น้อย จึงสามารถใช้กับสตรีตั้งครรภ์ และกำลังให้นมบุตรได้
ไม่ถูกทำลายโดยเลือด หรือ ชีวอินทรีย์
ใช้ทำความสะอาดแผลระดับตื้น (superficial wound)
มีความสามารถในการเกาะพื้นผิวที่ทำความสะอาดถึง 8-12 ชั่วโมง
กลไกการฆ่าเชื้อของ Chlorhexidine
คลอร์เฮกซิดีนมีกลไกการอกฤทธิ์ โดยตัวยาจะยับยั้งการเจริญเติบโต และมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อทั้งเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก แกรมลบและเชื้อรา ออกฤทธิ์ได้กับเชื้อหลายชนิด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของตัวผลิตภัณฑ์ โดยกลไกของคลอร์เฮกซิดีน จะไปทำให้ผนัง ของเชื้อโรคเหล่านั้นแตกออกและทำให้เชื้อตายลง
โมเลกุลของ Chlorhexidine ซึ่งมีประจุ+ จะเกาะติด และ ทำลายผิวเซลของเชื้อแบคทีเรียที่มีประจุเป็น - จนเกิดความไม่สมดุลภายในเซลล์ ของเชื้อโรค ทำให้เซลมีการไหลออกของสารข้างใน จนตาย
หลังจากคุณอ่านบทความนี้จบ เรามาปกป้องคนที่คุณรักจากโรคร้ายต่างๆด้วยวิธีง่ายๆด้วยการล้างมืออย่างถูกวิธีด้วยผลิตภัณฑ์
น้ำยาฆ่าเชือที่มีประสิทธิภาพกันเถอะ